คอลลาเจน รักษารอยแผลเป็น เผยผิวเรียบเนียนเหมือนใหม่

รอยแผลเป็นนั้นเป็นวิธีธรรมชาติที่ร่างกายสมานผิวแทนที่ส่วนที่เสียหาย โดยรอยแดงที่เราเห็นนั้นเป็นสัญญาณว่าการฟื้นฟูนั้นสำเร็จลงและรอยแผลเป็นจะเริ่มจางลงเมื่ออายุที่มากขึ้น แต่เราเชื่อว่าหลายคนอาจไม่พึงพอใจที่รอยเหล่านี้ ที่ทำให้ผิวดูไม่สวยงาม ขาดความมั่นใจ และต้องการหาวิธีรักษาให้หายโดยไว ในบทความนี้เองขอนำเสนอ วิธีรักษาแบบง่าย ๆ โดยใช้ คอลลาเจน รักษารอยแผลเป็น เน้นให้ร่างกายฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดการเกิดรอยแผลเป็นที่ไม่สม่ำเสมอจากภายใน โดยสารอาหารพิเศษนี้มีหน้าที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวที่เสียหาย ทำให้ผิวกลับมามีความยืดหยุ่นและเนียนนุ่มขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีรายละเอียดและกระบวนการอย่างไรบ้าง


คอลลาเจน รักษารอยแผลเป็น เผยผิวเรียบเนียนเหมือนใหม่

คอลลาเจน รักษารอยแผลเป็น เผยผิวเรียบเนียนเหมือนใหม่

  • กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่: สารอาหารคอลลาเจนผิวฉ่ำ ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้แผลหายเร็วขึ้นถึง 25% และลดการเกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะไม่สม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้เร็วขึ้น
  • เสริมความแข็งแรงให้กับผิว: ช่วยเสริมความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวที่เป็นแผลฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และมีความเนียนนุ่ม ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บเพิ่มเติม
  • ลดการอักเสบ: นอกจากนี้ สารอาหารเสริมยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการบวมแดงและการระคายเคืองที่มักเกิดขึ้นบริเวณแผล ทำให้ผู้ที่มีแผลรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้น: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านและทำให้ผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น และลดการเกิดแผลเป็นจากผิวแห้งแตก

กระบวนการในการรักษาแผล

  • ระยะอักเสบ: ในระยะแรกของการหายของแผล คอลลาเจนจะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการบวมแดง ซึ่งระยะนี้จะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วันแรกหลังเกิดแผล
  • ระยะสร้างเนื้อเยื่อใหม่: ในระยะนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ โดยเฉพาะการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้แผลปิดและฟื้นฟู กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน
  • ระยะปรับปรุงเนื้อเยื่อ: ปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเนื้อเยื่อให้เรียบเนียน ลดความขรุขระและรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้น ระยะนี้จะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป
  • ระยะปรับโครงสร้าง: ช่วยปรับโครงสร้างของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ลดความเสียหายที่เกิดจากแผล และช่วยให้แผลเป็นดูเรียบเนียนมากขึ้น กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงปี

ประเภทของรอยแผลเป็นที่รักษาได้

  • แผลเป็นจากสิว: ช่วยลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดการเกิดแผลเป็นลึก มีรายงานว่าสามารถลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ถึง 30% ภายใน 3 เดือน
  • แผลเป็นจากการผ่าตัด: การใช้คอลลาเจน ช่วยให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้นและลดการเกิดรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจน ลดการเกิดแผลนูนหรือคีลอยด์ได้มากถึง 40%
  • แผลเป็นจากการเผาไหม้: นอกจานี้เสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่และลดการอักเสบ ทำให้แผลที่ไหม้หายเร็วขึ้นและมีโอกาสเกิดแผลเป็นลดลง 25%
  • แผลเป็นจากการบาดเจ็บ: ฟื้นฟูและลดรอยแผลเป็นจากการลื่นล้มถลอก หรืออาการบาดเจ็บจากปัจจัยอื่น ๆ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้นและลดการเกิดรอยแผลเป็นลึกได้ถึง 35%

ประเภทของคอลลาเจนยอดนิยม

ประเภทของคอลลาเจนยอดนิยม

แหล่งจากสัตว์บก

วัว

  • ที่มา: มักถูกสกัดจากกระดูก, เอ็น, และหนัง ได้รับความนิยมมากเนื่องจากมีปริมาณโปรตีนสูงและหาได้ง่าย
  • คุณสมบัติ: มีโครงสร้างโปรตีนที่แข็งแรงและยืดหยุ่น ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย
  • การใช้งาน: มักนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและดูแลผิว เช่น ครีมหรือเซรั่ม เพื่อเพิ่มความเต่งตึงและความแข็งแรงให้กับผิว

หมู

  • ที่มา: โดยส่วนหญ่สกัดจากหนังและกระดูก โดยมีความคล้ายคลึงกับคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์มากที่สุด
  • คุณสมบัติ: มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและเสริมสร้างเนื้อเยื่อได้ดี เพราะมีโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนในผิวมนุษย์ ทำให้มีการดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็ว
  • การใช้งาน: ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง เพื่อบำรุงผิว, ฟื้นฟูรอยแผล, และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี:
    • ปริมาณโปรตีนสูง: มีปริมาณโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
    • ราคาถูก: เมื่อเทียบกับแหล่งอื่น แหล่งอาหารเสริมจากสัตว์บกนั้นเป็นคอลลาเจนจากธรรมชาติที่ราคาถูกกว่า
    • การศึกษาและการวิจัยรองรับ: มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์รองรับถึงคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวและรักษารอยแผลเป็น
  • ข้อเสีย:
    • ความเสี่ยงจากการแพ้หรือการติดเชื้อ: อาจมีความเสี่ยงจากการแพ้หรือการติดเชื้อ หากไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกต้อง หรือซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    • ข้อจำกัดทางศาสนาและจริยธรรม: บางคนอาจมีข้อจำกัดทางศาสนาหรือจริยธรรมในการใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ประเภทนี้
    • การปนเปื้อนสารเคมี: อาจมีการปนเปื้อนจากสารเคมีหรือยาที่ใช้ในสัตว์

แหล่งสัตว์น้ำ

ปลา

  • ที่มา: สกัดจากเกล็ด, หนัง, และกระดูกของปลา เช่น ปลาทะเล, ปลาน้ำจืด, และโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก
  • คุณสมบัติ: มีโครงสร้างโปรตีนที่เล็กและละลายน้ำได้ดี ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีปริมาณโปรตีนสูงถึง 90%
  • การใช้งาน: ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง เพื่อบำรุงผิว เสริมสร้างความยืดหยุ่น และฟื้นฟูรอยแผล

แมงกะพรุน

  • ที่มา: สกัดจากส่วนต่าง ๆ ของแมงกะพรุน โดยเฉพาะเนื้อเยื่อ
  • คุณสมบัติ: มีความสามารถในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมถึงมีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้นสูง
  • การใช้งาน: ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, อาหารเสริม, และผลิตภัณฑ์เพื่อการฟื้นฟูรอยแผล เช่น ครีมบำรุงผิวและเจลลดรอยแผลเป็น

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี:
    • มีความบริสุทธิ์สูง: แหล่งจาดสัตว์น้ำมีความบริสุทธิ์สูงมาก และมีโอกาสในการปนเปื้อนน้อยกว่าแหล่งสัตว์บก
    • ดูดซึมง่าย: มีโครงสร้างโปรตีนที่เล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็ว
    • ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนาและจริยธรรม: ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนาหรือจริยธรรมมากเท่ากับสัตว์บก
  • ข้อเสีย:
    • ราคาแพงกว่า: มักมีราคาสูงกว่าคอลลาเจนจากสัตว์บก
    • ปริมาณน้อยกว่า: ปริมาณคอลลาเจนในแหล่งธรรมชาติอาจมีน้อยและต้องใช้กระบวนการสกัดที่ซับซ้อนกว่า
    • ความเสี่ยงจากการแพ้ปลา: อาจไม่เหมาะสำหรับผู้แพ้ปลาและแพ้อาหารทะเล

งานวิจัยและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

งานวิจัยและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ผลการทดลองในสัตว์

  • การทดลองในหนู: มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจนในการรักษารอยแผลเป็นในหนู พบว่าช่วยเพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแผลที่ได้รับการรักษาด้วยอาหารเสริมมีการหายเร็วขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
  • การทดลองในสุนัข: การทดลองใช้ในสุนัขที่มีแผลผ่าตัด พบว่าช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟูและลดการเกิดแผลเป็นได้มากกว่า 30% ภายในเวลา 8 สัปดาห์
  • การทดลองในกระต่าย: มีการวิจัยการใช้ในกระต่ายที่มีแผลเผาไหม้ พบว่าคอลลาเจนช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความเร็วในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้แผลหายเร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับการรักษาแบบปกติ

ผลการทดลองในมนุษย์

  • การทดลองทางคลินิก: มีการศึกษาทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการรักษารอยแผลเป็นในมนุษย์ โดยการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารอาหารนี้บนผิวที่มีรอยแผลเป็น พบว่ารอยแผลลดลงถึง 40% ภายในเวลา 12 สัปดาห์
  • การศึกษาเกี่ยวกับแผลผ่าตัด: มีการวิจัยการใช้รักษาร่วมกับการแผลผ่าตัดในผู้ป่วย พบว่าผู้ป่วยที่ใช้คอลลาเจนมีการฟื้นฟูที่เร็วขึ้นและมีการเกิดแผลเป็นน้อยกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้ถึง 35%
  • ทดลองในผู้ป่วยที่มีแผลจากสิว: ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการใช้ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ถึง 50% ภายใน 3 เดือน และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว

ข้อดีและข้อจำกัดของการใช้

ผลดีต่อการรักษารอยแผลเป็น

  • ฟื้นฟูและสร้างเนื้อเยื่อใหม่: ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้จริง ทำให้แผลหายเร็วขึ้นและลดการเกิดรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
  • ลดการอักเสบ: ช่วยบรรเทาอาการบวมแดงและลดความรู้สึกไม่สบายจากการมีแผล มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น: เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเนียนนุ่มและสุขภาพดี
  • ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย: เนื่องจากคอลลาเจนเป็นสารธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลข้างเคียงน้อยเมื่อใช้ในการรักษารอยแผลเป็น

ข้อควรระวัง

  • การแพ้และการระคายเคือง: ในผู้ใช้บางคนอาจมีการแพ้หรือการระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรทำการทดสอบก่อนใช้หรือปรึกษาแพทย์หากคุณมีโรคประจำตัว
  • ผลลัพธ์ที่ได้: ผลลัพธ์ของการใช้เรื่องรักษารอยแผลเป็นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของแผล
  • การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่ากับในรูปแบบทาหรือฉีด
  • ค่าใช้จ่าย: ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมักมีราคาสูง ทำให้บางคนอาจไม่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง

ข้อควรรู้ในการใช้

คอลลาเจน รักษารอยแผลเป็น เผยผิวเรียบเนียนเหมือนใหม่

เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

  • ซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์คอลลาเจนจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. หรือ GMP
  • ตรวจสอบแหล่งที่มา: ผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เช่น คอลลาเจนจากปลา, หมู, หรือวัว ทั้งหมดนี้ควรมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ
  • ความบริสุทธิ์และคุณภาพ: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีการผลิตผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐาน เช่น การสกัดด้วยเอนไซม์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
  • ศึกษารีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้: อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริง เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจจากการใช้งาน

ตรวจสอบส่วนประกอบและการรับรองความปลอดภัย

  • อ่านฉลากและส่วนประกอบ: ตรวจสอบส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เช่น ปลา, ถั่ว หรือน้ำตาล
  • การรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง: ผลิตภัณฑ์ควรได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น อย. หรือ FDA รวมถึงมีมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการรับรอง เช่น GMP หรือ ISO
  • ตรวจสอบวันหมดอายุ: ตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยังคงมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำ

  • รูปแบบผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: ควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปควรทาบนผิวที่สะอาดและแห้ง เพื่อให้สารสกัดซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยทำความสะอาดผิวหน้าและร่างกายให้สะอาด ทาผลิตภัณฑ์บนบริเวณที่ต้องการรักษารอยแผลเป็น นวดเบา ๆ เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว ใช้เป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและเย็น
  • รูปแบบอาหารเสริม: คอลลาเจนรูปแบบอาหารเสริม ควรบริโภคตามปริมาณที่แนะนำบนฉลาก หรือปรึกษาแพทย์หากไม่แน่ใจ โดยส่วนมากให้หากเป็นรูปแบบผง ให้ผสมกับน้ำหรือเครื่องดื่มที่ชอบ หรือรับประทานในรูปแบบเม็ดตามปริมาณที่แนะนำ ควรรับประทานในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ตอนท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี

อย่าลืมดูแลผิวควบคู่ไปด้วย

  • บำรุงผิวเพิ่มเติม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากคอลลาเจนล้วน ไม่อาจแก้ปัญหาผิวทุกอย่างได้ เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างและมีปัญหาไม่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว ควรบำรุงผิวด้วยครีมหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการแห้งกร้านไม่ว่าคุณผิวหน้ามันก็ตาม
  • ป้องกันแสงแดด: ประเทศไทยนั้นแดดร้อนจัดและมีแสงแดดตลอดเวลา ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มี SPF สูง เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจทำให้ผิวเสียและรอยแผลเป็นเห็นได้ชัดเจนขึ้น
  • ดูแลสุขภาพผิว: ควรดูแลสุขภาพผิวด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างการฟื้นฟูของผิวจากภายใน

คอลลาเจน นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่มีบทบาทในการฟื้นฟูและรักษารอยแผลเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเห็นประโยชน์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้น ทั้งนี้ การเลือกใช้ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหารอยแผลเป็นเป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและการใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำ จะช่วยให้การรักษารอยแผลเป็นได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน สุขภาพดี และมีความมั่นใจมากขึ้นในทุกๆ วัน


คำถามที่พบบ่อย

1. คอลลาเจนจากแหล่งไหนที่ดีที่สุดสำหรับการรักษารอยแผลเป็น?
แหล่งจากปลามักได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูงและร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย นอกจากนี้ยังไม่มีข้อจำกัดทางศาสนาหรือจริยธรรม ทำให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูรอยแผลเป็น

2. เราควรใช้อาหารเสริมในรูปแบบใดบ้างในการรักษารอยแผลเป็น?
อาหารเสริมนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น แบบผงสำหรับผสมเครื่องดื่ม ครีมหรือเจลทาผิว และแผ่นแปะ ให้คุณเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับความสะดวกในการใช้และสภาพผิว สำหรับรอยแผลเป็นที่ลึกและรักษา อาจพิจารณาปรึกษาแพทย์ใช้รูปแบบฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

3. การใช้อาหารเสริมประเภทนี้มีผลข้างเคียงหรือไม่?
โดยส่วนใหญ่ไม่มีผลข้างเคียง แต่บางคนอาจมีการแพ้หรือระคายเคือง ควรทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้งานจริง และหากมีอาการแพ้หรือระคายเคืองควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที

4. การใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้หรือไม่?
การใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น เลเซอร์, การใช้ซิลิโคนเจล หรือการนวดผิว ล้วนสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษารอยแผลเป็นได้มากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อแนะนำวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคุณ


อ้างอิง

  1. Marine collagen and its derivatives: Versatile and sustainable bio-resources for healthcare, Science Direct, April 17, 2020, https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0928493119346892
  2. Hitoshi Sashiwa, Marine Collagen: A Promising Biomaterial for Wound Healing, Skin Anti-Aging, and Bone Regeneration, NIH, January 01, 2022, https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8780088/
  3. Alexandra Benisek, What Is Marine Collagen?, WebMD, March 17, 2021, https://www.webmd.com/beauty/marine-collagen

Similar Posts